อยากได้ยินว่ารักกัน Hyper-Personalization

ทำไมศูนย์อาหารล้านรวมแซ่บจึงเหมาะเป็น  Medical Tourism


พื้นฐาน 4 อย่างที่เป็นความต้องการของคน คือ “Simpler-Quicker-Shorter-Meaningful” 


การมีข้อมูลจำนวนมากทำให้องค์กรสามารถจะวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ เพิ่มจำนวนลูกค้าได้มากขึ้น และลดการเปลี่ยนใจของลูกค้าได้

ใช้เทคโนโลยีอย่างไรเพื่อที่จะตอบโจทย์เรื่องข้อมูล จะเก็บข้อมูลอย่างไร จะประมวลผลข้อมูลอย่างไร เพื่อให้สามารถเข้าใจ วิเคราะห์เจาะลึก และมีข้อมูลในการจะเปลี่ยนแปลง


ข้อมูลเปรียบเสมือนน้ำมันในยุคใหม่ และเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเปรียบเสมือนเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน หากต้องการลูกค้าที่มีศักยภาพ เราก็ควรมีศักยภาพจึงจะสามารถเข้าถึงและเข้าใจกัน


1. เพิ่ม Shop Online ให้ครบทุกช่องทาง

ในปี 2020 ที่ผ่านมา เชื่อว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ย่อมใช้งานแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, Line หรือ Instagram ด้วย และฟีเจอร์เหล่านี้ได้มีการอัปเตดอย่างสม่ำเสมอ หนึ่งในนั้นคือ Shop ที่ช่วยให้การซื้อขายระหว่างร้านค้าออนไลน์และลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น และอีกแพลตฟอร์มที่ขาดไปไม่ได้นั่นคือ เว็บไซต์  เป็นสัดส่วนเข้าใจได้ง่ายกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เลือกเว็บไซต์ที่ได้คุณภาพรูปแบบ Responsive Website ที่มีการปรับรูปแบบการใช้งานไปตามแต่ละอุปกรณ์ หรือ Placement  


2. บริการ Delivery ใช้แพลตฟอร์มไหนแล้วเวิร์ค

อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงสถานการณ์แบบนี้การที่ธุรกิจหันมาทำออนไลน์และมีบริการส่งถึงปลายทางช่วยทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทอาหาร ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นต้น หลายคนเริ่มมีการหันไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อเป็นตัวเลือกการสั่งซื้อให้กับลูกค้า แต่ข้อมีข้อด้อยตรงที่บางรายมีการเก็บค่าบริการหรือหักเปอร์เซ็นต์จากยอดขายไปด้วยเช่นกัน  บางที่ทำ Delivery เป็นของตัวเอง ด้วยปริมาณสินค้าจำนวนมากและมีเว็บไซต์ที่รองรับการสั่งซื้อและเลือกชำระเงินได้ทันที ทำให้สะดวกและไม่ต้องผูกขาดกับตัวกลางได้เหมือนกัน 


เข้าถึงลูกค้าที่อยู่ใกล้คือหัวใจสำคัญของการทำเลดี  เมื่อมี Shop Online แล้ว โดยเฉพาะช่วงโควิด 19 ทางศูนย์สามารถบริการจัดส่ง ผ่านการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ การใช้แพลตฟอร์มของตัวเองอย่างเว็ปไซ์ต์สั่งซื้อและชำระเงินผ่านระบบการสั่งซื้อ ถือเป็นตัวเลือกที่ดี และเน้นส่งบริเวณใกล้เคียงก่อน 


 

3. สื่อสารแบบ Two-Way Communication 

แน่นอนว่าการสื่อสารจากแบรนด์หรือคอนเทนต์ ที่เล่าออกไปเป็นสิ่งสำคัญมาก สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในปีนี้จึงไม่ใช่การสื่อสารทางเดียวระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคอีกต่อไป แต่เป็นการสื่อสารแบบ Two-Way เช่นประโยคปลายเปิดหรือ Content ที่ถามความคิดเห็น ให้ลูกค้าได้มีส่วนในการตัดสินใจ เพื่อสร้าง Engagement ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาบนโซเชียลมีเดียหรือบนเว็บไซต์ของธุรกิจคุณเองก็ตาม และยิ่งเนื้อหานั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้นย่อมเกิดการแชร์ต่อ และช่วยสร้าง Brand Awareness ได้ดีอีกด้วย



รวมไปถึงการที่แบรนด์สร้างความใส่ใจประเด็นสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น เพื่อเข้าถึงใจลูกค้าของคุณได้ดี ชัดเจนกับกลุ่มเป้าหมายของคุณเอง อาจจะเป็นการรับมือกับสถานการณ์ในช่วงนี้ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าก็ได้เช่นกัน


 

4. ใช้ Influencers สร้างความสัมพันธ์มากกว่าเดิม

วงการ Influencer ยังไม่ใช่แค่เลือกจากความดังหรือเป็นดาราที่มีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว แต่มีการเจาะกลุ่มเฉพาะทางที่ลึกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ เชฟ ที่เป็นบุคคลจริงในสายอาชีพนั้น สร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลุ่มลูกค้าและสัมผัสได้ถึงความจริงใจของแบรนด์ ประเด็นนี้สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกันได้เลย 


 

5. รับมือกับการสร้าง Customer  Care

อย่างที่ทราบกันดีว่า แพลตฟอร์มฟรีที่ใช้งานนั้น แม้จะมีการใช้ฟรีและจ่ายเพียงแค่ค่าโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า แต่มักมีการปรับอัลกอริทึ่มต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ ที่บางครั้งก็ส่งผลดีหรือส่งผลกระทบกับธุรกิจโดยตรงจนต้องรีบหาทางรับมือกันถ้วนหน้า อย่างล่าสุดแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook จะเตรียมทำการนำปุ่มกด Like ออกจากหน้าเพจ (ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะได้รับการอัปเดตนี้แล้ว) และเหลือเพียงปุ่มกดติดตาม หรือ Follower เท่านั้นดังนั้นเมื่อคนเข้ามายังแพลตฟอร์มและเกิดการติดตามแล้ว อย่าลืมสร้าง Loyalty Customer เช่น การนำลูกค้าคลิกไปยังเว็บไซต์ธุรกิจ หรือสร้าง Blog เพื่อให้ได้รับข่าวสารและโปรโมชันจากทางแบรนด์ได้ก่อนใคร 


เราสามารถการสร้างสิทธิพิเศษให้ลูกค้าสมัครสมาชิก สะสมแต้ม หรือกลับมาซื้อสินค้าซ้ำได้อีกครั้ง ดังนั้นเว็บไซต์จึงต้องรองรับการใช้งานแบบมีประสิทธิภาพ


 

6. ทำ Personalization เก็บ Data เพื่อสร้างความพิเศษ

การเปลี่ยนแปลงอีกสิ่งหนึ่งคือ ในปีที่ผ่านมาหรือช่วงก่อนหน้านี้ หลาย ๆ แบรนด์เข้าใจว่าการเข้าถึงลูกค้าให้มากยิ่งดี ต้องการยอด Impression หรือยอด Reach ในการทำโฆษณา แต่ปีนี้ต้องเลิกเน้น Mass Target แล้วมาเจาะกลุ่มเป้าหมายในตรงและลึกยิ่งขึ้น การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีด้วยการทำ Personalisation ที่มีการช่วยเก็บข้อมูลว่าใครกันแน่ที่เป็นกลุ่มลูกค้าของเราจริง ๆ จากนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ และสร้างโฆษณาออกมาได้เจาะจงและตรงจุด ช่วยกระตุ้นความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย 


การวางกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญมาก หากทำธุรกิจกับระดับบุคคล ควรเข้าใจ Customer Jouney เองด้วยและดูว่าสิ่งที่ทำไปตอบโจทย์มากแค่ไหน ดังนั้นการมี Customer Data จะช่วยให้ข้อมูลในส่วนนี้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ก็ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้เปรียบคู่แข่งไปมากกว่าเดิมเช่นกัน

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น